2.2 รูปแบบการเรียนการสอนโดยการซักค้าน (Jurisprudential Model)
ก. ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
รูปแบบการเรียนการสอนโดยใช้บทบาทสมมติ
พัฒนาขึ้นโดย แชฟเทลและแชฟเทล (Shaftel and
Shaftel, 1967: 67-71) ซึ่งให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล เขา กล่าวว่า
บุคคลสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับตนเองได้จากการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
และความรู้สึกนึกคิดของ บุคคลก็เป็นผลมาจากมีการปะทะสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
และได้สั่งสมไว้ภายในลึก ๆ โดยที่ บุคคลอาจไม่รู้ตัวเลยก็ได้
การสวมบทบาทสมมติเป็นวิธีการที่ช่วยให้บุคคลได้แสดงความรู้สึกนึกคิด ต่าง ๆ
ที่อยู่ภายในออกมา ทำให้สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เปิดเผยออกมา และนำมาศึกษาทำความเข้าใจกันได้
ช่วยให้บุคคลเกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับตนเอง เกิดความเข้าใจในตนเอง ในขณะเดียวกัน
การที่บุคคลสวม บทบาทของผู้อื่น ก็สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในความคิด
ค่านิยม และพฤติกรรมของผู้อื่น ได้เช่นเดียวกัน
ข. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในตนเอง
เข้าใจในความรู้สึกและพฤติกรรมของผู้อื่น และเกิดการปรับเปลี่ยนเจตคติ ค่านิยม
และพฤติกรรมของตนให้เป็นไปในทางที่เหมาะสม
ค. กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
ขั้นที่ 1 นำเสนอสถานการณ์ปัญหาและบทบาทสมมติ ผู้สอนนำเสนอ ปัญหา และบทบาทสมมติ
ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับความเป็นจริง และมีระดับยาก
ง่ายเหมาะสมกับวัยและความสามารถของผู้เรียน บทบาทสมมติที่กำหนด
จะมีรายละเอียดมากน้อย เพียงใดขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการเรียนการสอน
ถ้าต้องการให้ผู้เรียนเปิดเผยความคิด ความรู้สึก ของตนมาก
บทบาทที่ให้ควรมีลักษณะเปิดกว้าง กำหนดรายละเอียดให้น้อย แต่ถ้าต้องการจะเจาะ
ประเด็นเฉพาะอย่าง บทบาทสมมติอาจกำหนดรายละเอียด
ควบคุมการแสดงของผู้เรียนให้มุ่งไปที่ ประเด็นเฉพาะนั้น
ขั้นที่ 2
เลือกผู้แสดง
ผู้สอนและผู้เรียนจะร่วมกันเลือกผู้แสดง หรือให้ผู้เรียนอาสาสมัครก็ได้
แล้วแต่ความ เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ และการวินิจฉัยของผู้สอน
ขั้นที่ 3 จัดฉาก
การจัดฉากนั้นจัดได้ตามความพร้อมและสภาพการณ์ที่เป็นอยู่
ขั้นที่ 4
เตรียมผู้สังเกตการณ์
ก่อนการแสดงผู้สอนจะต้องเตรียมผู้ชมว่า ควรสังเกตอะไร
และปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ที่ดี
ขั้นที่ 5 แสดง
ผู้แสดงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการที่จะทำให้ผู้ชมเข้าใจเรื่องราวหรือ
เหตุการณ์ ผู้แสดงจะต้องแสดงออกตามบทบาทที่ตนได้รับให้ดีที่สุด
ขั้นที่ 6 อภิปรายและประเมินผล การอภิปรายผลส่วนใหญ่จะแบ่งเป็นกลุ่มย่อย การ
อภิปรายจะเป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ การแสดงออกของผู้แสดง
และควรเปิด โอกาสให้ผู้แสดงได้แสดงความคิดเห็นด้วย
ขั้นที่ 7 แสดงเพิ่มเติม ควรมีการแสดงเพิ่มเติมหากผู้เรียนเสนอแนะทางออกอื่น
นอกเหนือจากที่ได้แสดงไปแล้ว
ขั้นที่ 8 อภิปรายและประเมินผลอีกครั้ง หลังจากการแสดงเพิ่มเติม กลุ่มควรอภิปราย
และประเมินผลเกี่ยวกับการแสดงครั้งใหม่ด้วย
ขั้นที่ 9 แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสรุปการเรียนรู้ แต่ละกลุ่มสรุปผลการอภิปรายของ กลุ่มตน
และหาข้อสรุปรวม หรือการเรียนรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับความรู้สึก ความคิดเห็น ค่านิยม
คุณธรรม จริยธรรม และพฤติกรรมของบุคคล
ง.
ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนรู้ตามรูปแบบ
ผู้เรียนจะเกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความรู้สึกนึกคิด
ความคิดเห็น ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม ของผู้อื่น
รวมทั้งมีความเข้าใจในตนเองมากขึ้น
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น