4.1
รูปแบบการเรียนการสอนกระบวนการสืบสอบและแสวงหาความรู้เป็นกลุ่ม (Group
Investigation Instructional Model)
ก. ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
จอยส์ และ วีล
(Yoyce & Weil, 1996: 80-88)
เป็นผู้พัฒนารูปแบบนี้จากแนวคิดหลัก ของเธเลน (Thelen) 2 แนวคิด คือแนวคิดเกี่ยวกับการสืบเสาะแสวงหาความรู้(inquiry) และแนวคิด เกี่ยวกับความรู้ (knowledge) เธเลนได้อธิบายว่า สิ่งสำคัญที่สามารถช่วยให้ผู้เรียนเกิดความรู้สึกหรือ
ความต้องการที่จะสืบค้นหรือเสาะแสวงหาความรู้ก็คือตัวปัญหา
แต่ปัญหานั้นจะต้องมีลักษณะที่มี ความหมายต่อผู้เรียนและท้าทายเพียงพอที่จะทำให้ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะแสวงหาคำตอบ
นอกจากนั้นปัญหาที่ชวนให้เกิดความงุนงงสงสัย หรือก่อให้เกิดความขัดแย้งทางความคิด
จะยิ่งทำให้ ผู้เรียนเกิดความต้องการที่จะเสาะแสวงหาความรู้หรือคำตอบมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากมนุษย์อาศัยอยู่ใน สังคม ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคม
เพื่อสนองความต้องการของตนทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์และสังคม
ความขัดแย้งทางความคิดที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลหรือในกลุ่ม จึงเป็นสิ่งที่
บุคคลต้องพยายามหาหนทางขจัดแก้ไขหรือจัดการทำความกระจ่างให้เป็นที่พอใจหรือยอมรับทั้งของ
ตนเองและผู้เกี่ยวข้อง ส่วนในเรื่อง
“ความรู้” นั้น เธเลนมีความเห็นว่า ความรู้เป็นเป้าหมายของ
กระบวนการสืบสอบทั้งหลาย ความรู้เป็นสิ่งที่ได้จากการนำประสบการณ์หรือความรู้เดิมมาใช้ใน
ประสบการณ์ใหม่ ดังนั้น
ความรู้จึงเป็นสิ่งที่ค้นพบผ่านกระบวนการสืบสอบโดยอาศัยความรู้และ ประสบการณ์
ข.
วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
รูปแบบนี้มุ่งพัฒนาทักษะในการสืบสอบเพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ความเข้าใจ
โดยอาศัย
กลุ่มซึ่งเป็นเครื่องมือทางสังคมช่วยกระตุ้นความสนใจหรือความอยากรู้และช่วยดำเนินงานการ
แสวงหาความรู้หรือคำตอบที่ต้องการ
ค.
กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
ขั้นที่ 1
ให้ผู้เรียนเผชิญปัญหาหรือสถานการณ์ที่ชวนให้งุนงงสงสัย
ปัญหาหรือสถานการณ์ที่ใช้ในการกระตุ้นความสนใจและความต้องการในการสืบ
สอบและแสวงหาความรู้ต่อไปนั้น ควรเป็นปัญหาหรือสถานการณ์ที่เหมาะสมกับวัย
ความสามารถ และความสนใจของผู้เรียน และจะต้องมีลักษณะที่ชวนให้งุนงงสงสัย
เพื่อท้าทายความคิดและความใฝ่ รู้ของผู้เรียน
ขั้นที่ 2
ให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นต่อปัญหาหรือสถานการณ์นั้น ผู้สอนกระตุ้นให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
และพยายามกระตุ้นให้เกิด ความขัดแย้งหรือความแตกต่างทางความคิดขึ้น
เพื่อท้าทายให้ผู้เรียนพยายามหาทางเสาะแสวงหา ข้อมูลหรือวิธีการพิสูจน์ทดสอบความคิดของตน
เมื่อมีความแตกต่างทางความคิดเกิดขึ้น ผู้สอนอาจให้
ผู้เรียนที่มีความคิดเห็นเดียวกันรวมกลุ่มกัน
หรืออาจรวมกลุ่มโดยให้แต่ละกลุ่มมีสมาชิกที่มีความ คิดเห็นแตกต่างกันก็ได้
ขั้นที่ 3
ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนในการแสวงหาความรู้ เมื่อกลุ่มมีความคิดเห็นแตกต่างกันแล้ว
สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันวางแผนว่า จะ
แสวงหาข้อมูลอะไร กลุ่มจะพิสูจน์อะไร จะตั้งสมมติฐานอะไร กลุ่มจำเป็นต้องมีข้อมูลอะไร และจะ ไปแสวงหาที่ไหน
หรือจะได้ข้อมูลนั้นมาได้อย่างไร จะต้องใช้เครื่องมืออะไรบ้าง เมื่อได้ข้อมูลมาแล้ว จะวิเคราะห์อย่างไร
และจะสรุปผลอย่างไร ใครจะช่วยทำอะไร จะใช้เวลาเท่าใด ขั้นนี้เป็นขั้นที่ผู้เรียน
จะได้ฝึกทักษะการสืบสอบ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะกระบวนการกลุ่ม ผู้สอน ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการทำงานให้แก่ผู้เรียน
รวมทั้งให้คำแนะนำ เกี่ยวกับการวางแผน แหล่งความรู้ และการทำงานร่วมกัน
ขั้นที่ 4 ให้ผู้เรียนดำเนินการแสวงหาความรู้ ผู้เรียนดำเนินการเสาะแสวงหาความรู้ตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้
ผู้สอนช่วยอำนวย ความสะดวก ให้คำแนะนำและติดตามการท างานของผู้เรียน
ขั้นที่ 5
ให้ผู้เรียนวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลข้อมูล นำเสนอและอภิปรายผล
เมื่อกลุ่มรวบรวมข้อมูลได้มาแล้ว กลุ่มทำการวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผล ต่อจากนั้น
จึงให้แต่ละกลุ่มนำเสนอผล อภิปรายผลร่วมกันทั้งชั้น
และประเมินผลทั้งทางด้านผลงานและ กระบวนการเรียนรู้ที่ได้รับ
ขั้นที่ 6
ให้ผู้เรียนกำหนดประเด็นปัญหาที่ต้องการสืบเสาะหาคำตอบต่อไป
การสืบสอบและเสาะแสวงหาความรู้ของกลุ่มตามขั้นตอนข้างต้นช่วยให้กลุ่มได้รับ
ความรู้ความเข้าใจ และคำตอบในเรื่องที่ศึกษา
และอาจพบประเด็นที่เป็นปัญหาชวนให้งุนงงสงสัย หรืออยากรู้ต่อไป
ผู้เรียนสามารถเริ่มต้นวงจรการเรียนรู้ใหม่ ตั้งแต่ขั้นที่ 1 เป็นต้นไป การเรียนการ สอนตามรูปแบบนี้ จึงอาจมีต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
ตามความสนใจของผู้เรียน
ง. ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนตามรูปแบบ
ผู้เรียนจะสามารถสืบสอบและเสาะแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
เกิดความใฝ่รู้และมีความ มั่นใจในตนเองเพิ่มขึ้น และได้พัฒนาทักษะการสืบสอบ
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และ ทักษะการทำงานกลุ่ม
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น