7. รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นทักษะปฏิบัติสำหรับครูวิชาอาชีพ
ก. ทฤษฎี/หลักการ/แนวคิดของรูปแบบ
นวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์
(2535) อาจารย์ประจำคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรม สถาบัน เทคโนโลยีราชมงคล
เป็นผู้พัฒนารูปแบบนี้ขึ้น โดยอาศัยแนวคิดและหลักการเกี่ยวกับการพัฒนา
ทักษะปฏิบัติ 9 ประการ ซึ่งมีสาระโดยสรุปว่า
การพัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะปฏิบัติที่ดีนั้น ผู้สอนควร
จะเริ่มตั้งแต่วิเคราะห์งานที่จะให้ผู้เรียนทำ โดยแบ่งงานออกเป็นส่วนย่อย ๆ และลำดับงานจากง่าย
ไปสู่ยาก แล้วให้ผู้เรียนได้ฝึกทำงานย่อย ๆ แต่ละส่วนให้ได้ แต่ก่อนที่จะลงมือท
างาน ควรให้ผู้เรียนมี ความรู้ในงานถึงขั้นเข้าใจในงานนั้นเป็นอย่างน้อย
รวมทั้งได้เรียนรู้ลักษณะนิสัยที่ดีในการทำงานด้วย แล้วจึงให้ผู้เรียนฝึกท
างานด้วยตัวเองในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงกับการทำงานจริง โดยจัดลำดับการ
เรียนรู้ตามลำดับตั้งแต่ง่ายไปยาก คือเริ่มจากการให้รับรู้งาน ปรับตัวให้พร้อม
ลองทำโดยการ เลียนแบบ ลองผิดลองถูก (ถ้าไม่เกิดอันตราย) แล้วจึงให้ฝึกทำเองและทำหลาย
ๆครั้งจนกระทั่ง ชำนาญ สามารถทำได้เป็นอัตโนมัติ
ขณะฝึกผู้เรียนควรได้รับข้อมูลย้อนกลับเพื่อการปรับปรุงงานเป็น ระยะ ๆ
และผู้เรียนควรได้รับการประเมินทั้งทางด้านความถูกต้องของผลงาน ความชำนาญในงาน
(ทักษะ) และลักษณะนิสัยในการทำงานด้วย
ข. วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
รูปแบบนี้มุ่งพัฒนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานที่ทำและเกิดทักษะสามารถที่จะ
ทำงานนั้นได้อย่างชำนาญตามเกณฑ์ รวมทั้งมีเจตคติที่ดีและลักษณะนิสัยที่ดีในการทำงานด้วย
ค.
กระบวนการเรียนการสอนของรูปแบบ
รูปแบบการเรียนการสอนนี้ กำหนดยุทธวิธีย่อยไว้
3 ยุทธวิธี เพื่อให้ผู้สอนได้เลือกใช้ให้ เหมาะสมกับเงื่อนไขของสถานการณ์ต่าง ๆ
รวมทั้งได้ให้ลำดับขั้นตอนในการดำเนินการที่เหมาะสมกับ แต่ละยุทธวิธีด้วย
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
ยุทธวิธีที่ 1
การสอนทฤษฎีก่อนสอนงานปฏิบัติการดำเนินการ
มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นนำ เป็นขั้นแนะนำงานและกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและเห็นคุณค่าใน
งานนั้น
ขั้นให้ความรู้ เป็นขั้นให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับงานที่จะทำซึ่งครูสามารถใช้
วิธีการใด ๆ ก็ได้
แต่ควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ซักถามจนกระทั่งผู้เรียนเกิดความเข้าใจ
ขั้นให้ฝึกปฏิบัติ
เป็นขั้นที่ให้ผู้เรียนลงมือทำงาน ซึ่งเริ่มจากให้ผู้เรียนทำตามหรือ เลียนแบบ
หรือให้ลองผิดลองถูก (ถ้าไม่เกิดอันตราย) ต่อไปจึงให้ลองทำเอง
โดยครูคอยสังเกตและให้ ข้อมูลป้อนกลับเป็นระยะ ๆ จนกระทั่งทำได้ถูกต้องแล้วจึงให้ฝึกทำหลาย
ๆ ครั้ง จนกระทั่งทำได้ ชำนาญ
ขั้นประเมินผลการเรียนรู้
เป็นขั้นที่ผู้สอนประเมินทักษะปฏิบัติ และลักษณะนิสัย ในการทำงานของผู้เรียน ขั้นประเมินผลความคงทนของการเรียนรู้
เป็นขั้นที่ผู้สอนจะรู้ว่า การเรียนรู้ของ ผู้เรียนมีความยั่งยืนหรือไม่
หากผู้เรียนสามารถปฏิบัติงานได้อย่างชำนาญ ผู้เรียน ก็ควรจะจ าสิ่งที่
เรียนรู้ได้ดีและนาน
ยุทธวิธีที่
2 การสอนงานปฏิบัติก่อนสอนทฤษฎี
2.1 ขั้นนำ ทำเช่นเดียวกับยุทธวิธีที่ 1
2.2 ขั้นให้ผู้เรียนปฏิบัติและสังเกตการณ์
ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติงาน มีการ สังเกตการณ์ปฏิบัติและจดบันทึกข้อมูลไว้
2.3 ขั้นวิเคราะห์การปฏิบัติและสังเกตการณ์
ร่วมกันวิเคราะห์พฤติกรรมการ ปฏิบัติ และอภิปรายผลการวิเคราะห์
2.4 ขั้นเสริมความรู้
จากผลการวิเคราะห์และอภิปรายการปฏิบัติ ผู้สอนจะ ทราบว่า
ควรเสริมความรู้อะไรให้แก่ผู้เรียน จึงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้เรียนในการปฏิบัติ
2.5 ขั้นให้ผู้เรียนปฏิบัติงานใหม่
เมื่อรู้จุดบกพร่องและได้ความรู้เสริมที่จะใช้ใน การแก้ไขข้อบกพร่องแล้ว
จึงให้ผู้เรียนปฏิบัติงานใหม่อีกครั้งหนึ่ง
2.6 ขั้นประเมินผลการเรียนรู้
ปฏิบัติเช่นเดียวกับยุทธวิธีที่ 1
2.7 ขั้นประเมินผลความคงทนของการเรียนรู้
ปฏิบัติเช่นเดียวกับยุทธวิธีที่ 1
ยุทธวิธีที่
3 การสอนทฤษฎีและปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน
ขั้นนำ ขั้นให้ความรู้
ให้ปฏิบัติและให้ข้อมูลย้อนกลับไปพร้อม ๆ กัน
ขั้นให้ปฏิบัติงานตามลำพัง
ขั้นประเมินผลการเรียนรู้ ขั้นประเมินผลความคงทนของการเรียนรู้งานปฏิบัติ
เงื่อนไขที่ใช้ในการพิจารณาเลือกยุทธวิธีสอน ยุทธวิธีที่ 1 เหมาะสำหรับการสอนเนื้อหาของงานปฏิบัติที่มีลักษณะซับซ้อน
หรือเสี่ยง อันตราย และลักษณะของเนื้อหาสามารถแยกส่วนภาคทฤษฎีและปฏิบัติได้อย่างชัดเจน
ยุทธวิธีที่ 2 เหมาะสำหรับเนื้อหางานปฏิบัติที่มีลักษณะไม่ซับซ้อน
หรือเป็นงานปฏิบัติที่ ผู้เรียนเคยมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว
เป็นงานที่มีอัตราการเสี่ยงต่ออันตรายกับชีวิตน้อย ยุทธวิธีที่ 3 เหมาะสำหรับบทเรียนที่มีลักษณะของเนื้อหาภาคทฤษฎีและปฏิบัติที่ไม่สามารถ
แยกจากกันได้เด็ดขาด
ง.
ผลที่ผู้เรียนจะได้รับจากการเรียนตามรูปแบบ
นวลจิตต์ เชาวกีรติพงศ์
ได้ทดลองใช้รูปแบบนี้กับอาจารย์ และนักศึกษาของสถาบัน เทคโนโลยีราชมงคล 5
วิทยาเขต เป็นเวลา 1 ภาคเรียน ในปีการศึกษา 2534
ผลการทดลองพบว่า ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ทางด้านทฤษฎีถึงขั้นความเข้าใจ
คือได้คะแนนไม่ต่ำ60 %และประสบ ผลสำเร็จในการพัฒนาทักษะในระดับที่สามารถปฏิบัติงานให้มีคุณภาพได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องการ
รวมทั้ง ได้แสดงลักษณะนิสัยที่ดีในการทำงานด้วย รูปแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล
ที่รองศาสตราจารย์ ดร. ทิศนา แขมมณี ได้น
าเสนอมา ทั้งหมดนี้ได้รับการพิสูจน์ ทดสอบประสิทธิภาพ และได้รับความนิยมโดยทั่วไป ส่วนรูปแบบที่พัฒนา โดยนักการศึกษาไทยนั้น
ผู้ที่คิดค้นรูปแบบได้ติดตามศึกษาความก้าวหน้าทางด้านวิชาการและนำมา
เผยแพร่ในวงการศึกษาไทยหรืออาจคิดค้นหรือพัฒนาจากความรู้และประสบการณ์ในการจัด
การศึกษาและการเรียนรู้
กระบวนการเรียนการสอนที่ได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบและได้รับการ
ทดลองใช้เพื่อพิสูจน์และทดสอบประสิทธิภาพแล้ว
ถือว่าเป็นรูปแบบการเรียนการสอนหรือเป็นแบบ
แผนของการจัดการเรียนการสอนที่ผู้อื่นสามารถนำมาใช้แล้วจะเกิดผลตามวัตถุประสงค์ของรูปแบบ
นั้นได้
รูปแบบการเรียนการสอนส่วนใหญ่ล้วนเป็นแบบที่แปลกใหม่และน่าสนใจทั้งสิ้น สมควรที่ ครูผู้สอนจะให้ความสนใจ ศึกษาให้เข้าใจแล้วนำไปทดลองใช้เพื่อปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพการ
จัดการเรียนการสอนของตน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น